วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แมวอเมริกัน เคิร์ล (American curl cat) 

   

    

เคยเห็นแมวหูพลิกกันบ้างไหม  แล้วรู้รึเปล่าว่ามีเจ้าแมวหูพลิกพันธุ์นี้อยู่ด้วย  แมวอเมริกัน เคิร์ลเนี่ยถ้าเห็นปุ๊บต้องรู้แน่นอนว่าพันธุ์นี้เพราะหูมันคล้ายมิ กกี้เมาส์เลยแหละ  มาดูความน่ารักของมันดีกว่า

 

 ถิ่นกำเนิด

  จากประเทศสหรัฐอเมริกา  สายพันธุ์นี้เกิดขึ้นที่ Lakewood ใน California ซึ่งเป็นผลจากการกลายพันธุ์

  

ลักษณะ 

 เป็นแมวที่มีร่างกายขนาดปานกลาง ลูก แมวอเมริกัน เคิร์ลจะเกิดมาพร้อมกับการมีหูตรงและเริ่มหูของมันจะเริ่มขดภายใน 10 วัน หลังจากนั้น 4 เดือน หูของมันจะไม่เกิดการเปล่ยนแปลงใดๆ ขึ้นอีกแต่เพียงแข็งขึ้นเท่านั้น แมวพันธุ์นี้มีทั้ง Shorthaired และ Longhaired โดยขนของมันจะนุ่มและเรียบเป็นเงา  เจ้าอเมริกัน เคิร์ลตัวผู้จะมีลักษณะสวยและสง่างามกว่าแมวอเมริกัน เคิร์ลตัวเมีย จุดเด่นของสายพนธุ์นี้ที่มีหูพลิกแล้วยังมีดวงตาที่กลมโตคล้ายกับลูกวอลล์ นัท

 


อุปนิสัย
  
 เป็น แมวที่ร่าเริงไม่ดุ มีนิสัยเป็นมิตรกับผู้คน  ซื่อสัตย์ รักสนุกสนาน เข้ากันได้ดีกับเด็ก ๆ และสัตว์อื่นในบ้าน  ไม่ค่อยส่งเสียงร้องมีเพียงเสียงครางเบา ๆ บางเวลาเท่านั้น เค้าว่าอเมริกัน เคิร์ลมีลักษณะคล้ายสุนัขอีกด้วย
การดูแล
 เป็นแมวที่มีสุขภาพดี  แต่ จำเป็นต้องมีการทำความสะอาดบ่อยครั้ง  เพื่อป้องกันการติดเชื้อและต้องการการดูแลที่อ่อนโยนเพื่อป้องกันความเสีย หายกับใบหูของมัน  เพราะถ้าดูแลไม่ดีกระดูกอ่อนที่ใบหูมันจะเกิดความเสียหายได้ง่าย  ก็หูมันแปลกซะขนาดนั้น 
 



      ราคา ของเจ้าอเมริกัน เคิร์ลนี่ขึ้นหลักหมื่นนะคะ  ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป  และถือว่าเป็นแมวที่มีความน่ารักเรื่องอุปนิสัยที่ขึ้เล่น รักเจ้าของเหมือนกับสุนัขทำให้แมวสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์น่าเลี้ยงเลยก็ ว่าได้ค่ะ  แแต่ระวังเรื่องหูหน่อยนะคะ
 ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, cfa.org

แมวสายพันธุ์บาลิเนส (Balinese)

 

 

 

ลักษณะประจำพันธุ์ แมวบาลิเนส

 
         เป็นแมวที่มีขนยาวนุ่มและสวยงาม มีลักษณะที่สง่างาม นิสัยดี เป็นมิตร ฉลาด มีความกระตือลือล้นในสิ่งแปลกใหม่ และมีความความอยากรู้อยากเห็น แมวพันธุ์นี้มีเสียงร้องที่นุ่มนวลและเสียงไม่ดังมาก ขนไม่หนามากจึงทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย
 
         โดยทั่วไป แมวบาลิเนส มีขนยาวตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของแมวสยาม(สายพันธุ์วิเชียรมาศ) ซึ่งช่วยส่งเสริม ความสง่างามของแมวสายพันธุ์นี้ ความยาวของขนนั้นเป็นข้อแตกต่างระหว่าง แมวสยาม และแมวบาร์ลิเนส ซึ่งมีการทดลองการผสมพันธุ์พบว่า บางการทดลองลูกแมวสายพันธุ์สยาม 1 ครอก จะปรากฎลูกแมวที่มีลักษณะขนยาว1 ตัว ซึ่งดึงดูดความสนใจของนักเพาะพันธุ์มากมาย 
 
         ทั้งนี้ มีการค้นพบแมวขนกึ่งสั้นกึ่งยาวครั้งแรกที่ อเมริกา แมวบาลิเนสมีลักษณะเหมือนแมวสยามคือแต้มสีที่ จมูก หูทั้งสองข้าง ขาทั้งสี่ และหาง แต่แมวบาลิเนส จะมีขนยาวเรียบ หัวเป็นรูปลิ่มค่อนข้างยาว มองจากด้านหน้า(รวมหู)จะเป็นรูปสามเหลี่ยม มองจากด้านข้างจมูกกับหน้าผากจะเป็นเส้นตรง หน้าผากไม่นูน หูค่อนข้างใหญ่ ฐานหูกว้าง ตารูปเมล็ด Almond ขนาดปานกลาง รับกับจมูกและหน้า ตาไม่ผิดปกติ สีตาเป็นสีน้ำเงินสดใส รูปร่างสูงยาว ขนาดตัวปานกลาง เส้นหลังตรง สะโพกไม่กว้างกว่าไหล่ 
 
          รูปร่างของแมว Balinese ตัวผู้อาจจะใหญ่และหนากว่าตัวเมียในบางส่วน อุ้งเท้าเป็นรูปไข่ หางยาว ขนหางยาวชี้ออกเหมือนขนนก ขนลำตัวยาวปานกลาง ละเอียด นุ่ม ไม่มีขนชั้นใน ขนยาวเรียบติดตัว ขนลำตัวอาจจะสั้นกว่าที่หางก็ได้ สีของแต้มมีอยู่ 4 สี คือ Seal point Chocolate point Blue point Lilac point
 
          ลักษณะมาตราฐานของแมวพันธุ์นี้ถูกกำหนดโดย Cat Fanciers’ Association โดยมีลักษณะดังนี้
หุ่นเพรียวยาว รวมไปถึง หัว ขา และหาง ขนยาวเรียวแหลมอ่อนนิ่ม และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงซึ่งมีลักษณะคล้ายบรรพบุรุษ คือ แมวสยาม(สายพันธุ์วิเชียรมาศ)นั้นเอง แต่มีความพิเศษในเรื่องของความยาวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และมีขนหางที่ยาวปุยคล้ายขนน
 

 
ลักษณะสีขน แมวบาลิเนส  
 
  - SEAL POINT: สีของลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ตรงบริเวณท้องและอกจะมีสีที่อ่อนกว่าส่วนของลำตัว สีของจุดจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับสีของจมูกและ     อุ้งเท้า สีของตาเป็นสีฟ้าเข้ม
- CHOCOLATE POINT: สีของลำตัวเป็นสีงาช้าง สีของจุดเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีของchocolateนม สีของจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู่ซินนามอน ตาสีฟ้าเข้ม
- BLUE POINT: สีของลำตัวสีขาวออกฟ้าอมเทา สีจะค่อย ๆ จางลงตรงบริเวณท้องและอก สีของจุดมีสีฟ้าเข้ม สีของจมูกและอุ้งเท้ามีสีเทาอมน้ำเงิน ตาสีฟ้าเข้ม
- LILAC POINT: สีของลำตัวเป็นสีขาวปลอด สีจุดจะมีสีเทาหรือชมพู สีของจมูกและอุ้งเท้าจะเป็นสีชมพูม่วง ตาสีฟ้าเข้ม
 
ข้อบกพร่องของแมวพันธุ์บาลิเนส 
 
  ขาหลังอ่อนแอ มีการหายใจทางปากเนื่องจากสิ่งกีดขวางในช่องจมูก และบางตัวมีลักษณะที่ฟันบนและฟันล่างไม่ประกบกัน มีผลทำให้มีลักษณะคางยาวหรือคางสั้นกว่าปกติ ความหงิกงอของหาง นิ้วเกิน และ มีขนมากกว่าหนึ่งชั้น
 
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

- pongmokhaow.com
 
 
 

แมวรัสเซียน บลู


 

 

    

    ใคร อยากเลี้ยงแมวสายพันธุ์ต่างประเทศบ้างยกมือขึ้น!!! วันนี้เรามี แมวพันธุ์ต่างประเทศ ที่ดูแลไม่ยาก เพราะขนสั้น อาบน้ำ แปรงขนไม่ยุ่งยาก แถม ยังน่ารัก ขี้อ้อน มีหน้าตาที่ดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา จนได้รับฉายาว่า แมวยิ้ม นั่นก็คือ เจ้าเหมียวพันธุ์ "รัสเซี่ยน บลู" นั่นเอง เชื่อว่าคนรักแมวจะต้องชื่นชมกับความน่ารักของพวกมันอย่างแน่นอน

แมวรัสเซี่ยนบลู หรือ แมวรัสเซียสีฟ้า (Russian Blue) เป็น แมวน่ารัก สุภาพเรียบร้อย เงียบ รักสะอาด ขี้เล่น ทว่าขี้อายเล็กน้อย ฉลาดหลักแหลม เช่น สามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยตนเอง เข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และสัตว์อื่นๆ อีกทั้งยังมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนใคร ขนของมันสั้นและหนาแน่น ขนสีฟ้าซึ่งก็คือสีเทาอ่อนเป็นลักษณะเด่นที่แมวพันธุ์นี้มี และยังมีเพียงสีนี้สีเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความที่ รัสเซียน บลู เป็นแมวที่มีขนสองชั้น ดูเผิน ๆ คล้ายขนของตัวบีเวอร์ ในระยะแรกจึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะแมวทูต หรือ Foreign Blue

 
ถิ่นกำเนิดเของ แมวรัสเซียน บลู

  ว่ากันว่า ถิ่นกำเนิดเดิมของ แมวรัสเซียน บลู อยู่ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย โดย แมวรัสเซี่ยน บลู ตัวแรกที่ถูกนำมาอังกฤษ เป็นของที่พระเจ้าซาร์องค์หนึ่งประทานให้แก่นักการเมืองชาวอังกฤษ ขณะที่บางตำนานกล่าวว่า ชาวกลาสีเรือรัสเซียเอาแมวชนิดนี้มาแลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือใน ปี ค.ศ. 1860 จนกระทั่งได้กลายเป็นแมวชั้นสูง และเป็นแมวที่นิยมชมชอบมากของราชินี Victoria  อย่างไรก็ดี ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ Russian Blue อย่างแน่ชัดนัก

 

http://www.petsang.com/images/stories/images-pets/cat/cat-n57-3.jpg

   

ตาม หลักฐานอ้างอิงระบุว่า แมวพันธุ์นี้ปรากฎตัวสู่งานประกวดแมวเป็นครั้งแรกที่เมือง Crystal Palace ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1875 ในฐานะแมวทูต ในตอนแรก Russian Blue ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทแมวสี Blue จนยังไม่ทันถึงปี ค.ศ. 1912 Russian Blue ก็ได้รับการรับรองสายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอังกฤษและสแกนดิเนเวียได้ทำการปรับปรุงสายพันธุ์ของ Russian Blue ให้ดียิ่งขึ้น 

          ต่อ มา แมวพันธุ์นี้ถูกนำเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 แต่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์น้อยมาก จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอเมริกาได้ทำการผสมแมวอังกฤษกับแมวสีเงินที่มีตาสีเขียว จนกลายเป็น Russian Blue อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960 แมวพันธุ์นี้ก็เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในฐานะแมวบ้านและแมวประกวด

      ลักษณะประจำสายพันธุ์ 

แมวรัสเซียน บลู นั้น เป็นแมวตัวใหญ่ ดวงตากลมโตรูปกลม (Round) สีเขียวสุกใส ศีรษะแบนกว้างคล้ายงู รูปร่างป้อมกลม ล่ำสัน หูได้รูปกับศีรษะ ลำตัวยาวเรียว ขนสั้นอ่อนนุ่มสีเทาเงินล้วนเป็นเงางามอ่อนนุ่มทั่วตัว ปราศจากรอยด่างพร้อย ลักษณะศีรษะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น ขนขึ้นปกคลุมบริเวณคอมีความอ่อนนุ่มลักษณะคล้ายเส้นไหม และลำตัวค่อนข้างยาว

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, my_smiling_cat.tripod.com, dailyworldtoday.com

 

 


แมวพันธุ์ เบอร์แมน Birman แมวขนสวย






   ลักษณะของแมวพันธุ์เบอแมน
   เป็น แมวขนาดใหญ่ ยาวล่ำสัน กำยำ แข็งแรง ขนยาวแวววาวเหมือนใยไหม ขนสีเหลือบทองเป็นสีที่ชื่นชอบมากกว่า ดูราวกับละอองน้ำกับทองคำ แต้มที่หน้าขาและหางมีสีเข้มขึ้นเหมือนกับ Siamese และแต้มสีของ Persian ซึ่งมีรูปแบบสีของแต้มสีครัง แต้มสีน้ำเงิน แต้มสีช๊อกโกเลตและแต้มสีดอก Lilae ตาเป็นสีน้ำเงินเกือบจะกลม เท้าสีขาวเด่น เป็นเท้าที่ได้สัดส่วนร่วมกัน ถุงเท้าบนเท้าหน้า ถ้าสมบูรณ์แบบจะมีเส้นเรียบยาวไปตามขวาง และบนขาหลังเส้นจะสิ้นสุดในตำแหน่งเหนือส่วนหลังของเขาเรียกว่าสายรัด รองเท้า (Laces) ยากมากที่จะผสมพันธุ์แมวให้ได้ถุงเท้าสีขาว 4 ข้างที่สมบูรณ์แบบ



แมวพันธุ์ เบอร์แมน Birman แมวขนสวย

 ลักษณะนิสัย
   มี บุคลิกภาพที่สนุกสนาน สุภาพดีเลิศ กระตือรือร้น คล่องแคล่ว ขี้เล่น แต่เงียบสงบและไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น ถ้าคุณกำลังวุ่นวายอยู่กับสิ่งอื่นๆ
เชื่อ กันว่าแมว Birman มีถิ่นกำเนิดในพม่า ทะเบียนแมวฝรั่งเศสยอมรับ Birman ในฐานะสายพันธุ์ที่แยกออกมา ใน คศ.1925 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเพียง Birman 2 ตัวที่ถูกละทิ้งให้มีชิวิตอยู่ในยุโรป ดังนั้นจึงเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อสถาปนาสายพันธุ์ขึ้นใหม่ แมวที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนส่วนใหญ่ต้องการสายพันธุ์บริสุทธิ์อย่างน้อย 5 รุ่น หลังจากการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อให้ได้รับการรับรองสายพันธุ์อย่างเต็มที่ สำหรับ Championship Competition Birman ได้รับการรับรองจากประเทศอังกฤษใน ค.ศ.1966 และจาก The Cat Fancier’s Association ใน ค.ศ.1967




 ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, chubbypet.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

คนญี่ปุ่นกำลังฮิตเลี้ยง มันช์กิ้น แคท 

แมวขาสั้น น่ารักไปอีกแบบ 

 

   เคยเห็นน้องหมาขาสั้นมาแล้วหลายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นดัชชุน หรือเวลช์ คอร์กี้ ซึ่งต่างก็ได้รับความนิยม
ชมชอบมีคนมอบความรักให้น้องหมาขาสั้นจำนวนมาก เพราะความแปลกแตกต่างอย่างลงตัว วันนี้เราจึง
ขอนำ แมวขาสั้น มาแนะนำให้รู้จักกันบ้าง...รับรองน่ารักไม่แพ้กัน

          และน้องเหมียวที่เห็นอยู่นี้ ก็คือ แมวขาสั้น มีชื่อเรียกว่า มันช์กิ้น แคท (Munchkin cat) เป็น
 แมวขาสั้น ที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ให้เกิดความผิดปกติทาง DNA หรือที่เรียกว่า การกลายพันธุ์ นั่นเอง
 ซึ่งหากดูเพียงผิวเผิน มันช์คิน แคท ก็ไม่ต่างจากแมวทั่ว ๆ ไป เพียงแต่เป็น แมวขาสั้น ผิดปกติ 
กล่าวคือ ขาจะมีความยาวแค่เพียงประมาณครึ่งหนึ่งของแมวทั่วไป

          มันช์กิ้น แคท ถือเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่ที่ถือกำเนิดได้ไม่นานมากนัก ถูกพบและเริ่มเป็นที่
รู้จักครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ประเทศเยอรมัน เดิมทีแมวชนิดนี้ถูกเรียกว่า 
แมวจิงโจ้ (Kangaroo Cat) ต่อมาเมื่อประมาณปี 1980 นักผสมพันธุ์แมวในอเมริกา ได้ตั้งชื่อให้มันใหม่
ว่า มันช์กิ้น โดยตั้งตามชื่อของคนแคระในเรื่อง The Wizard of Oz 


           แต่ไป ๆ มา ๆ เจ้าเหมียวขาสั้นพันธุ์นี้กลับกลายเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นที่เลี้ยงกันมาก มาย หรืออาจเป็นเพราะลักษณะของมันที่ขาสั้น ทำให้ดูน่ารักคิคุอาโนเนะ จนบางคนเชื่อว่า เจ้าเหมียวพันธุ์มันช์กิ้นนี้เป็นเหมียวมาจากญี่ปุ่นด้วยซ้ำ แถมยังมีทั้งแบบขนปุกปุย น่ารัก หรือขนสั้นก็เลี้ยงง่ายไปอีกแบบ นอกจากนี้ เจ้าเหมียวขาสั้นนี้ยังเป็นแมวฉลาด ใจดี และรักสนุกเเหมือนลูกแมวอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่า ขาสั้นไม่ใช่ปัญหาเลยล่ะ จนทำให้คนจำนวนไม่น้อยหลงรักแมวมันช์กิ้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นจะมีคาเฟ่แมว ซึ่งก็จะมีเจ้าเหมียวพันธุ์นี้เยอะแยะเลย แต่สำหรับบ้านเรานั้น ยังไม่ค่อยมีใครนำเข้ามาซักเท่าไร แต่ก็มีบ้างเป็นจำนวนน้อย ราคาลูกแมวพันธุ์มันช์กิ้นจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 - 35,000 บาท

          ทั้ง นี้ แมวมันช์กิ้น ได้รับการยอมรับเป็นแมวพันธุ์แท้ โดยสมาคม TICA (The International Cat Association) แต่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ  CFA (Cat Fancier's Association) เนื่องจากทางสมาคมฯ ถือว่า แมวขาสั้น หรือ แมวมันช์กิ้น มีความผิดปกติหรือพิการอย่างหนึ่ง แม้ว่า แมวมันช์กิ้น จะไม่มีอาการเจ็บป่วยหรือเกิดปัญหาสุขภาพในเรื่องข้อกระดูกอย่างสุนัขที่ถูก เพาะมาให้ขาสั้นอย่าง ดัชชุน ก็ตาม แต่ ก็ยังเข้าข่ายเป็นโรคทางพันธุกรรมอย่างหนึ่งที่มีชื่อว่า achondroplasia ทำให้สมาคมแมวหลาย ๆ สมาคม ปฏิเสธการขึ้นทะเบียน แมวขาสั้น เพื่อไม่ให้โรคทางพันธุกรรมนี้แพร่หลาย เพราะเชื่อว่าความผิดปกติดังกล่าวจะทำให้แมวเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้







อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรายงานผลอย่างชัดเจนในเรื่องของปัญหาสุขภาพของ แมวขาสั้น แต่ในบรรดาคนรักและเลี้ยง แมวขาสั้น ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า แมวมันช์กิ้น เป็นแมวสุขภาพดี และไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากไปกว่าแมวทั่วไป อีกทั้ง แมวขาสั้น ยังเป็นแมวฉลาด ใจดี และรักสนุกเเหมือนลูกแมวอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าขาสั้น ๆ ไม่ได้เป็นอุปสรรคในกระโดดเล่นของแมวพันธุ์นี้เลย

          สำหรับลักษณะทั่วไปของ แมวมันช์กิ้น จัดเป็นแมวขนาดกลางถึงขนาดเล็ก มีทั้งพันธุ์ที่เป็นขนสั้น และขนยาว ลำตัวค่อนข้างกลม แต่ไม่เท่า แมวเปอร์เซีย หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม ใบหูขนาดกลาง ดวงตาโตคล้าย ๆ ลูกวอลล์นัท มีทุกสี ทุกลาย และที่เด่นที่สุดคือเป็น แมวขาสั้น ซึ่งแม้จะดูน่ารักพิลึก ๆ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยหลงรักแมวมันช์กิ้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, chubbypet.com

แมวพันธุ์ Scottish Fold เจ้าเหมียวหูพับ 

น่ารักไม่เบา




     แมวพันธุ์ Scottish Fold ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1961 ในสก๊อตแลนด์ มันมีชื่อว่า Susie มีลักษณะเป็นแมวสีขาวที่มีหูพับไปมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ ใบหน้ามีลักษณะคล้าย นกฮูก หรือหน้าของตัวนาก ผู้ที่สังเกตเห็นคนแรกคือ William Ross มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ William และภรรยาเป็นคนที่รักแมวมาก และทั้งคู่สนใจ Susie มาก เมื่อ Susie ออกลูกเป็นลูกแมวหูพับ 2 ตัว ครอบครัวของเขาจึงขอลูกแมวตัวเมียตัวหนึ่งมาเลี้ยง และได้ตั้งชื่อว่า Snooks ลูกของ Snooks เป็นสายพันธุ์ที่มาจาก British Shorthair และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์ Scottish Fold ในเวลานี้ สายพันธุ์นี้ได้รับการจดทะเบียนจาก The Governing Council of the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษ

          ทั้งนี้ ในช่วงปี ค.ศ. 1960 Pat Turner นักพันธุศาสตร์ และ cat breeder เป็นผู้หนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์นี้ ในช่วง 3 ปี มีลูกแมวเกิด 76 ตัว 42 ตัวเป็น พวกหูพับ อีก 34 ตัว เป็นพวกหูตั้ง เธอได้ร่วมกับ Peter Dyte นักพันธุศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ลงความเห็นว่า ลักษณะหูพับกลายเป็นลักษณะเด่น นั่นหมายถึงถ้าลูกแมวได้รับการถ่ายทอดยีนจากพวกที่มีหูตั้ง และพวกที่มีหูพับ ลูกแมวตัวนั้นจะมีลักษณะหูพับ

          สำหรับ Susie ต้นกำเนิดของ แมวพันธุ์ Scottish Fold หูมีลักษณะการพับแบบหลวม ๆ ปลายหูพับลงมาด้านหน้าประมาณครึ่งหนึ่ง รูปแบบนี้ เรียกว่า single fold และในปัจจุบันยังมีหูพับแบบ triple fold ด้วย คนเลี้ยงแมวบางส่วนในประเทศอังกฤษมีความเชื่อว่า แมวพันธุ์ Scottish Fold อาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อโรคทางหู และ มีโอกาสในการเป็นหูหนวกสูง พวกเขาจึงร่วมมือกันต่อต้านการจดทะเบียนของ Scottish Fold ใน Great Britain และ Europe

          อย่างไรก็ตาม Mrs. Ross ได้นำแมวหูพับบางส่วนของเธอจัดส่งไปให้ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ Neil Todd นักพันธุศาสตร์ ใน Newtonville คอกแรกที่เกิดในอเมริกา เกิดวันที่ 30 พฤศจิกายน 1971 หลังการค้นคว้าเสร็จสิ้นลง ลูกแมวหูพับบางส่วนได้รับการยอมรับจาก CFA

           โดย แมวพันธุ์ Shorthair Scottish Folds ได้รับการจดทะเบียนจาก ACA ในปี 1973 และ จาก ACFA, CFA ในปี 1974 สถาบัน TICA เป็นที่แรกที่จดบันทึกว่า Longhairs ชนะเลิศการประกวด ในปี 1987-88 และชนะของ CFA ในปี 1993-94

          และแม้ว่าครอบครัว Ross จะล้มเลิกความพยายามในการทำให้ประเทศของเขายอมรับแมวสายพันธุ์นี้ แต่พวกเขาได้รับการยกย่องในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นผู้ค้นพบ แมวพันธุ์ Scottish Fold

ลักษณะโดยทั่วไปของ แมวพันธุ์ Scottish Fold




          แมวพันธุ์ Scottish Fold เป็นแมวขนาดกลาง ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ได้พัฒนาจนมีลักษณะเฉพาะตัวของสายพันธุ์
           ตัวผู้ มีน้ำหนัก ประมาณ 9-13 ปอนด์

           ตัวเมีย มีน้ำหนัก ประมาณ 6-9 ปอนด์

          ทั้งนี้ แมวพันธุ์ Scottish Fold จะมีลักษณะตัวกลม หัวกลม มีช่วงคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ มีช่องกว้าง และแสดงออกถึงความสดใส ความหวาน พวก Fold นี้ สามารถมีหูที่มีลักษณะตั้งตรงขนาดกลางได้ไปจนถึง หูพับขนาดเล็ก ที่มีมุมพับกว้าง ปลายหูส่วนใหญ่จะกลม หูของลูกแมวจะเริ่มพับในช่วง2-3 อาทิตย์แรก มีคางที่กลมมน จมูกสั้นโค้ง กว้าง เพื่อรับกับดวงตา บางครั้งปากจะโค้งรับกับคางที่โค้งทำให้ ได้ฉายาว่า smiling cat หรือ แมวยิ้ม ดังที่แสดงในภาพ Scottish Fold จะมีลักษณะกลมทั้งตัว          แมว พันธุ์ Scottish Fold มี 2 แบบ คือ แบบ Shorthair และ Longhair พวก Longhaired Scottish Fold มีขนยาวขนาดกลาง ในตัวผู้มีขนหางเป็นพวงใหญ่ที่สวยงาม สีของสายพันธุ์นี้ สามารถพบได้หลายสี โดยเฉพาะสีน้ำตาล และสีขาว เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด




ลักษณะนิสัย แมวพันธุ์ Scottish Fold

          แมวพันธุ์ Scottish Fold เป็นแมวที่ไม่ค่อยส่งเสียง มักจะชอบที่จะคอยดูแลควบคุมในสิ่งที่เจ้าของกำลังทำอยู่ เป็นแมวที่ชอบทำกิจกรรมในระดับปานกลาง พวกมันชอบที่จะเล่นโดยเฉพาะถ้ามีเจ้าของของมันร่วมเล่นด้วย Folds บางตัวอาจที่จะไม่ชอบนอนบนตัก แต่พวกมันชอบที่จะอยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าของ
          นอกจากนี้ แมวพันธุ์ Scottish Fold ยังชอบที่จะนอนแผ่แบนบนหลังของมัน และมักพบมันในท่า sitting up ซึ่งดูเหมือนตัวนาก



ขอขอบคุณข้อมูลจาก





แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น American Shorthair

 


      
       หากคุณกำลังมองหาแมวที่จะนำมาเป็น เพื่อนที่ดีของเด็ก ๆ ตัวใหญ่ ใจดี น่ากอดอยู่ล่ะก็ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Shorthair)  เป็นแมวพันธุ์ที่มีความเหมาะสมอย่างมาก แมวพันธุ์นี้เป็นที่รู้กันถึงความอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ดูดี มีลักษณะที่สงบ ทั้งยังเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากในวงการโฆษณาและวงการบันเทิง จึงไม่แปลกเลยว่า American Shorthair จะเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งซึ่งที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกแห่งแมว

          ทั้งนี้ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Shorthair) เป็นแมวสายพันธุ์ของอเมริกา บรรพบุรุษมาจากแถบยุโรปในช่วงเริ่มแรกและมาแพร่พันธุ์ยังอเมริกาเหนือ เมื่อครั้งชาวยุโรปเดินทางไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ โดยแมวถูกนำลงเรือไปด้วยเพื่อใช้ประโยชน์ในการล่าหนูมิให้ทำลายข้าวของ ต่อมาแมวมีการผสมพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายไปเป็นแมวพื้นเมืองขนสั้นของอเมริกาเหนือ ความสวยและน่ารักของมันได้กลายมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เช่นเดียวกับกับความสามารถในการจับหนูของมัน ตามข้อมูลระบุว่า แมว tabby (ลายเสือ) American Shorthair เคยถูกเสนอขายในราคาถึงกว่า $2,500 ในงานประกวดแมวประจำปีในปี 1896

          ต่อมา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แมวสายพันธุ์ต่างประเทศได้ถูกนำเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกา (แมวขนยาวกับแมววิเชียรมาศ) เพื่อผสมกับแมวพื้นเมืองขนสั้น และได้ให้กำเนิดลูกแมวที่มีลักษณะขน ลำตัว สี และอุปนิสัยที่แตกต่างกันไป ใครก็ตามที่ต้องการรักษาแมวสายพันธุ์ American Shorthair ต้องมีตัวอย่างสายพันธุ์แมวที่บริสุทธิ์ และเริ่มที่ผสมกับแมวที่ได้รับการเลือก เพื่อจะรักษาลักษณะที่ดีของสายพันธุ์ หน้าที่สวยงาม ลักษณะนิสัยที่อ่อนหวาน และในขณะเดียวกันก็รักษาลักษณะรูปแบบและสีสันของ American Shorthair อย่างที่เป็นทุกวันนี้  และกลายเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่คนนิยมเลี้ยง

          ในปี 1966  จากเดิมที่เรารู้จักกันในแมวที่เลี้ยงกันตามบ้านทั่วไป (Domestic Shorthair) แมวสายพันธุ์นี้ได้รับการตั้งชื่อเสียใหม่ว่า American Shorthair เพื่อให้เป็นตัวแทนของลักษณะแมวของอเมริกาและ เพื่อให้แตกต่างจากแมวขนสั้น สายพันธุ์อื่น ๆ ชื่อ American Shorthair เป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นแมวขนสั้นพันธุ์ดั้งเดิมในอเมริกาเหนือ ที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากแมวที่หาได้ตามท้องถนนทั่วไป

 


ลักษณะสายพันธุ์ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น



          แมว อเมริกันชอร์ตแฮร์ มีลักษณะสีขนและรูปร่างมากกว่า 80 แบบ มีตั้งแต่ สีน้ำตาล striking tabby ไปจนถึง แมวสีขาวตาสีฟ้าสดใส หรือ shaded silvers สี smoke และสี camero รวมทั้งสี calico van และสีอื่นในระหว่างนี้ สีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือสี silver tabby โดยจะมีลายสีดำเข้ม พลาดอยู่บนพื้นสีเงิน (ลายเสือ)

          สำหรับรูปร่างของแมวอเมริกันชอร์ตแฮร์ มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ โครงสร้างลำตัวโต มีกล้ามเนื้อแข็งแรง มองเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่ ใบหูมีขอบเป็นทรงกลมมน ส่วนหัวมีลักษณะรูปไข่ ดวงตากลมโต มีสีเขียวมรกต

          ลักษณะนิสัยของ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Short Hair) เป็นแมวที่ช่างสงสัย นิสัยร่าเริง ชอบเล่นไปเรื่อย ๆ มีเสน่ห์ แต่จะฝึกค่อนข้างยาก ไม่เหมือนสุนัขที่ฝึกง่าย ดังนั้น จะต้องคลุกคลีกับแมวให้มาก ๆ ในขณะที่การดูแลก็จะทำเป็นอย่างดี พาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ


          ส่วนปัญหาของแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้นส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อราและเป็นหวัด ถ้าหากเจ้าของให้การดูแลไม่ดีก็จะเลี้ยงลำบาก ส่วนปัญหาเรื่องขนร่วงมีน้อยมาก โดยจะร่วงเฉพาะในช่วงเวลาผลัดขนปีละ 2 ครั้งเท่านั้น

 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, my_smiling_cat.tripod.com, dailyworldtoday.com