วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แมวอเมริกัน เคิร์ล (American curl cat) 

   

    

เคยเห็นแมวหูพลิกกันบ้างไหม  แล้วรู้รึเปล่าว่ามีเจ้าแมวหูพลิกพันธุ์นี้อยู่ด้วย  แมวอเมริกัน เคิร์ลเนี่ยถ้าเห็นปุ๊บต้องรู้แน่นอนว่าพันธุ์นี้เพราะหูมันคล้ายมิ กกี้เมาส์เลยแหละ  มาดูความน่ารักของมันดีกว่า

 

 ถิ่นกำเนิด

  จากประเทศสหรัฐอเมริกา  สายพันธุ์นี้เกิดขึ้นที่ Lakewood ใน California ซึ่งเป็นผลจากการกลายพันธุ์

  

ลักษณะ 

 เป็นแมวที่มีร่างกายขนาดปานกลาง ลูก แมวอเมริกัน เคิร์ลจะเกิดมาพร้อมกับการมีหูตรงและเริ่มหูของมันจะเริ่มขดภายใน 10 วัน หลังจากนั้น 4 เดือน หูของมันจะไม่เกิดการเปล่ยนแปลงใดๆ ขึ้นอีกแต่เพียงแข็งขึ้นเท่านั้น แมวพันธุ์นี้มีทั้ง Shorthaired และ Longhaired โดยขนของมันจะนุ่มและเรียบเป็นเงา  เจ้าอเมริกัน เคิร์ลตัวผู้จะมีลักษณะสวยและสง่างามกว่าแมวอเมริกัน เคิร์ลตัวเมีย จุดเด่นของสายพนธุ์นี้ที่มีหูพลิกแล้วยังมีดวงตาที่กลมโตคล้ายกับลูกวอลล์ นัท

 


อุปนิสัย
  
 เป็น แมวที่ร่าเริงไม่ดุ มีนิสัยเป็นมิตรกับผู้คน  ซื่อสัตย์ รักสนุกสนาน เข้ากันได้ดีกับเด็ก ๆ และสัตว์อื่นในบ้าน  ไม่ค่อยส่งเสียงร้องมีเพียงเสียงครางเบา ๆ บางเวลาเท่านั้น เค้าว่าอเมริกัน เคิร์ลมีลักษณะคล้ายสุนัขอีกด้วย
การดูแล
 เป็นแมวที่มีสุขภาพดี  แต่ จำเป็นต้องมีการทำความสะอาดบ่อยครั้ง  เพื่อป้องกันการติดเชื้อและต้องการการดูแลที่อ่อนโยนเพื่อป้องกันความเสีย หายกับใบหูของมัน  เพราะถ้าดูแลไม่ดีกระดูกอ่อนที่ใบหูมันจะเกิดความเสียหายได้ง่าย  ก็หูมันแปลกซะขนาดนั้น 
 



      ราคา ของเจ้าอเมริกัน เคิร์ลนี่ขึ้นหลักหมื่นนะคะ  ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป  และถือว่าเป็นแมวที่มีความน่ารักเรื่องอุปนิสัยที่ขึ้เล่น รักเจ้าของเหมือนกับสุนัขทำให้แมวสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์น่าเลี้ยงเลยก็ ว่าได้ค่ะ  แแต่ระวังเรื่องหูหน่อยนะคะ
 ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, cfa.org

แมวสายพันธุ์บาลิเนส (Balinese)

 

 

 

ลักษณะประจำพันธุ์ แมวบาลิเนส

 
         เป็นแมวที่มีขนยาวนุ่มและสวยงาม มีลักษณะที่สง่างาม นิสัยดี เป็นมิตร ฉลาด มีความกระตือลือล้นในสิ่งแปลกใหม่ และมีความความอยากรู้อยากเห็น แมวพันธุ์นี้มีเสียงร้องที่นุ่มนวลและเสียงไม่ดังมาก ขนไม่หนามากจึงทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย
 
         โดยทั่วไป แมวบาลิเนส มีขนยาวตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของแมวสยาม(สายพันธุ์วิเชียรมาศ) ซึ่งช่วยส่งเสริม ความสง่างามของแมวสายพันธุ์นี้ ความยาวของขนนั้นเป็นข้อแตกต่างระหว่าง แมวสยาม และแมวบาร์ลิเนส ซึ่งมีการทดลองการผสมพันธุ์พบว่า บางการทดลองลูกแมวสายพันธุ์สยาม 1 ครอก จะปรากฎลูกแมวที่มีลักษณะขนยาว1 ตัว ซึ่งดึงดูดความสนใจของนักเพาะพันธุ์มากมาย 
 
         ทั้งนี้ มีการค้นพบแมวขนกึ่งสั้นกึ่งยาวครั้งแรกที่ อเมริกา แมวบาลิเนสมีลักษณะเหมือนแมวสยามคือแต้มสีที่ จมูก หูทั้งสองข้าง ขาทั้งสี่ และหาง แต่แมวบาลิเนส จะมีขนยาวเรียบ หัวเป็นรูปลิ่มค่อนข้างยาว มองจากด้านหน้า(รวมหู)จะเป็นรูปสามเหลี่ยม มองจากด้านข้างจมูกกับหน้าผากจะเป็นเส้นตรง หน้าผากไม่นูน หูค่อนข้างใหญ่ ฐานหูกว้าง ตารูปเมล็ด Almond ขนาดปานกลาง รับกับจมูกและหน้า ตาไม่ผิดปกติ สีตาเป็นสีน้ำเงินสดใส รูปร่างสูงยาว ขนาดตัวปานกลาง เส้นหลังตรง สะโพกไม่กว้างกว่าไหล่ 
 
          รูปร่างของแมว Balinese ตัวผู้อาจจะใหญ่และหนากว่าตัวเมียในบางส่วน อุ้งเท้าเป็นรูปไข่ หางยาว ขนหางยาวชี้ออกเหมือนขนนก ขนลำตัวยาวปานกลาง ละเอียด นุ่ม ไม่มีขนชั้นใน ขนยาวเรียบติดตัว ขนลำตัวอาจจะสั้นกว่าที่หางก็ได้ สีของแต้มมีอยู่ 4 สี คือ Seal point Chocolate point Blue point Lilac point
 
          ลักษณะมาตราฐานของแมวพันธุ์นี้ถูกกำหนดโดย Cat Fanciers’ Association โดยมีลักษณะดังนี้
หุ่นเพรียวยาว รวมไปถึง หัว ขา และหาง ขนยาวเรียวแหลมอ่อนนิ่ม และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงซึ่งมีลักษณะคล้ายบรรพบุรุษ คือ แมวสยาม(สายพันธุ์วิเชียรมาศ)นั้นเอง แต่มีความพิเศษในเรื่องของความยาวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และมีขนหางที่ยาวปุยคล้ายขนน
 

 
ลักษณะสีขน แมวบาลิเนส  
 
  - SEAL POINT: สีของลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ตรงบริเวณท้องและอกจะมีสีที่อ่อนกว่าส่วนของลำตัว สีของจุดจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับสีของจมูกและ     อุ้งเท้า สีของตาเป็นสีฟ้าเข้ม
- CHOCOLATE POINT: สีของลำตัวเป็นสีงาช้าง สีของจุดเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีของchocolateนม สีของจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู่ซินนามอน ตาสีฟ้าเข้ม
- BLUE POINT: สีของลำตัวสีขาวออกฟ้าอมเทา สีจะค่อย ๆ จางลงตรงบริเวณท้องและอก สีของจุดมีสีฟ้าเข้ม สีของจมูกและอุ้งเท้ามีสีเทาอมน้ำเงิน ตาสีฟ้าเข้ม
- LILAC POINT: สีของลำตัวเป็นสีขาวปลอด สีจุดจะมีสีเทาหรือชมพู สีของจมูกและอุ้งเท้าจะเป็นสีชมพูม่วง ตาสีฟ้าเข้ม
 
ข้อบกพร่องของแมวพันธุ์บาลิเนส 
 
  ขาหลังอ่อนแอ มีการหายใจทางปากเนื่องจากสิ่งกีดขวางในช่องจมูก และบางตัวมีลักษณะที่ฟันบนและฟันล่างไม่ประกบกัน มีผลทำให้มีลักษณะคางยาวหรือคางสั้นกว่าปกติ ความหงิกงอของหาง นิ้วเกิน และ มีขนมากกว่าหนึ่งชั้น
 
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

- pongmokhaow.com
 
 
 

แมวรัสเซียน บลู


 

 

    

    ใคร อยากเลี้ยงแมวสายพันธุ์ต่างประเทศบ้างยกมือขึ้น!!! วันนี้เรามี แมวพันธุ์ต่างประเทศ ที่ดูแลไม่ยาก เพราะขนสั้น อาบน้ำ แปรงขนไม่ยุ่งยาก แถม ยังน่ารัก ขี้อ้อน มีหน้าตาที่ดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา จนได้รับฉายาว่า แมวยิ้ม นั่นก็คือ เจ้าเหมียวพันธุ์ "รัสเซี่ยน บลู" นั่นเอง เชื่อว่าคนรักแมวจะต้องชื่นชมกับความน่ารักของพวกมันอย่างแน่นอน

แมวรัสเซี่ยนบลู หรือ แมวรัสเซียสีฟ้า (Russian Blue) เป็น แมวน่ารัก สุภาพเรียบร้อย เงียบ รักสะอาด ขี้เล่น ทว่าขี้อายเล็กน้อย ฉลาดหลักแหลม เช่น สามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยตนเอง เข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และสัตว์อื่นๆ อีกทั้งยังมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนใคร ขนของมันสั้นและหนาแน่น ขนสีฟ้าซึ่งก็คือสีเทาอ่อนเป็นลักษณะเด่นที่แมวพันธุ์นี้มี และยังมีเพียงสีนี้สีเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความที่ รัสเซียน บลู เป็นแมวที่มีขนสองชั้น ดูเผิน ๆ คล้ายขนของตัวบีเวอร์ ในระยะแรกจึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะแมวทูต หรือ Foreign Blue

 
ถิ่นกำเนิดเของ แมวรัสเซียน บลู

  ว่ากันว่า ถิ่นกำเนิดเดิมของ แมวรัสเซียน บลู อยู่ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย โดย แมวรัสเซี่ยน บลู ตัวแรกที่ถูกนำมาอังกฤษ เป็นของที่พระเจ้าซาร์องค์หนึ่งประทานให้แก่นักการเมืองชาวอังกฤษ ขณะที่บางตำนานกล่าวว่า ชาวกลาสีเรือรัสเซียเอาแมวชนิดนี้มาแลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือใน ปี ค.ศ. 1860 จนกระทั่งได้กลายเป็นแมวชั้นสูง และเป็นแมวที่นิยมชมชอบมากของราชินี Victoria  อย่างไรก็ดี ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ Russian Blue อย่างแน่ชัดนัก

 

http://www.petsang.com/images/stories/images-pets/cat/cat-n57-3.jpg

   

ตาม หลักฐานอ้างอิงระบุว่า แมวพันธุ์นี้ปรากฎตัวสู่งานประกวดแมวเป็นครั้งแรกที่เมือง Crystal Palace ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1875 ในฐานะแมวทูต ในตอนแรก Russian Blue ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทแมวสี Blue จนยังไม่ทันถึงปี ค.ศ. 1912 Russian Blue ก็ได้รับการรับรองสายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอังกฤษและสแกนดิเนเวียได้ทำการปรับปรุงสายพันธุ์ของ Russian Blue ให้ดียิ่งขึ้น 

          ต่อ มา แมวพันธุ์นี้ถูกนำเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 แต่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์น้อยมาก จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอเมริกาได้ทำการผสมแมวอังกฤษกับแมวสีเงินที่มีตาสีเขียว จนกลายเป็น Russian Blue อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960 แมวพันธุ์นี้ก็เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในฐานะแมวบ้านและแมวประกวด

      ลักษณะประจำสายพันธุ์ 

แมวรัสเซียน บลู นั้น เป็นแมวตัวใหญ่ ดวงตากลมโตรูปกลม (Round) สีเขียวสุกใส ศีรษะแบนกว้างคล้ายงู รูปร่างป้อมกลม ล่ำสัน หูได้รูปกับศีรษะ ลำตัวยาวเรียว ขนสั้นอ่อนนุ่มสีเทาเงินล้วนเป็นเงางามอ่อนนุ่มทั่วตัว ปราศจากรอยด่างพร้อย ลักษณะศีรษะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น ขนขึ้นปกคลุมบริเวณคอมีความอ่อนนุ่มลักษณะคล้ายเส้นไหม และลำตัวค่อนข้างยาว

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, my_smiling_cat.tripod.com, dailyworldtoday.com

 

 


แมวพันธุ์ เบอร์แมน Birman แมวขนสวย






   ลักษณะของแมวพันธุ์เบอแมน
   เป็น แมวขนาดใหญ่ ยาวล่ำสัน กำยำ แข็งแรง ขนยาวแวววาวเหมือนใยไหม ขนสีเหลือบทองเป็นสีที่ชื่นชอบมากกว่า ดูราวกับละอองน้ำกับทองคำ แต้มที่หน้าขาและหางมีสีเข้มขึ้นเหมือนกับ Siamese และแต้มสีของ Persian ซึ่งมีรูปแบบสีของแต้มสีครัง แต้มสีน้ำเงิน แต้มสีช๊อกโกเลตและแต้มสีดอก Lilae ตาเป็นสีน้ำเงินเกือบจะกลม เท้าสีขาวเด่น เป็นเท้าที่ได้สัดส่วนร่วมกัน ถุงเท้าบนเท้าหน้า ถ้าสมบูรณ์แบบจะมีเส้นเรียบยาวไปตามขวาง และบนขาหลังเส้นจะสิ้นสุดในตำแหน่งเหนือส่วนหลังของเขาเรียกว่าสายรัด รองเท้า (Laces) ยากมากที่จะผสมพันธุ์แมวให้ได้ถุงเท้าสีขาว 4 ข้างที่สมบูรณ์แบบ



แมวพันธุ์ เบอร์แมน Birman แมวขนสวย

 ลักษณะนิสัย
   มี บุคลิกภาพที่สนุกสนาน สุภาพดีเลิศ กระตือรือร้น คล่องแคล่ว ขี้เล่น แต่เงียบสงบและไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น ถ้าคุณกำลังวุ่นวายอยู่กับสิ่งอื่นๆ
เชื่อ กันว่าแมว Birman มีถิ่นกำเนิดในพม่า ทะเบียนแมวฝรั่งเศสยอมรับ Birman ในฐานะสายพันธุ์ที่แยกออกมา ใน คศ.1925 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเพียง Birman 2 ตัวที่ถูกละทิ้งให้มีชิวิตอยู่ในยุโรป ดังนั้นจึงเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อสถาปนาสายพันธุ์ขึ้นใหม่ แมวที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนส่วนใหญ่ต้องการสายพันธุ์บริสุทธิ์อย่างน้อย 5 รุ่น หลังจากการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อให้ได้รับการรับรองสายพันธุ์อย่างเต็มที่ สำหรับ Championship Competition Birman ได้รับการรับรองจากประเทศอังกฤษใน ค.ศ.1966 และจาก The Cat Fancier’s Association ใน ค.ศ.1967




 ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, chubbypet.com